วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ตกแต่งห้องนอน DECORATIVE WOOD



ความรู้สึกอ่อนโยนเกิดขึ้นได้จากวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งห้องนอนรอบๆ กาย "ไม้" เป็น Material ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในการตกแต่งพื้นที่ส่วนที่ไม่ต้องรับบทหนักในการใช้งานมาก นักเหมือนอย่างพื้นที่ทางเดินชั้นล่าง เช่น ห้องนอน และห้องนั่งเล่น นอกจากนี้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ยังดูนุ่มนวลกว่าสเตนเลสหรือเหล็ก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมความชื่นชอบของแต่ละคนด้วย



1. UNSEEN ENTRANCE

ประตู ทางเข้าสู่ห้องน้ำที่มองผ่านเพียงแค่ผิวเผิน อาจคิดว่าเป็นหน้าบานเปิดตู้เก็บของธรรมดาๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของตู้ขนาดใหญ่สีโอ๊กเข้มใบนี้ ซึ่งถูกออกแบบให้ดูกลมกลืน เหมือนเป็นผนังห้องด้านหนึ่งเมื่อปิดประตูห้องน้ำลงเพียงเท่านั้น เพื่อทัศนียภาพที่ดีในการนอนหลับพักผ่อน



2.PRIVATE ZONE

พื้นที่ แต่งตัวที่แยกออกมาอยู่ในมุม ที่มีความเป็นส่วนตัวด้วยฉากกั้นไม้สีอ่อนที่ยื่นออกมาจากผนังปูน ซึ่งลักษณะของวัสดุและความบางของโครงไม้ทำให้ฉากกั้นพื้นที่ซึ่งติดตั้ง อย่างถาวรนี้ ไม่ได้สร้างความอึดอัดคับแคบให้กับห้องนอนห้องนี้แต่อย่างใด



3.DIFFERENT WALL

ห้อง สีขาวๆ ก็ให้ความรู้สึกสะอาดโล่งตาดี แต่หากต้องการจะเพิ่มสีสันและลูกเล่นต่างๆให้กับผนังห้อง ก็มีเทคนิคมากมายที่สามารถสร้างมิติที่แตกต่างให้เกิดขึ้นได้ ทั้งจากวัสดุ รูปแบบ และสีเคลือบผิว และไม้ยังเป็นวัสดุที่ช่วยลดความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนโยนให้เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี



Show Ideas :



1. เพิ่มเติม Function การใช้งานบริเวณพื้นที่ริมหน้าต่าง ด้วยการรังสรรค์ให้เกิดมุมนั่งเล่นพักผ่อนจาก Design ของ Built-in ที่นั่งเข้ารูปมุมตัวแอล ใช้นั่งเล่นอ่อนหนังสือ หรือจิบกาแฟยามเช้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแต่ยังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่อยากจะเคลื่อนตัวออกไปไหน



2. เตียงนอนสไตล์ Zen ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งในสไตล์ตะวันออก จุดเด่นอยู่ที่ความสูงของเตียงจากระดับพื้นห้องที่ต่ำกว่าเตียงมาตรฐานทั่วๆ ไป แสดงถึงเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของรูปแบบเฟอร์นิเจอร์

ตกแต่งห้องนอน REFLECTION OF MOOD



สี โทนอ่อนแต่ไม่หวานที่สร้างบรรยากาศใส ๆ ให้ภาพโดยรวมของห้องนอน ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในการพักผ่อนนอนหลับอย่างได้ผลดียิ่ง และความสะอาดของสีขาว ก็ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มจนไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนจริง ๆ ถ้ากายและใจไม่แข็งแรงเพียงพอ



1.REFLECTION OF LIGHT

Bay Window ช่องเปิดหน้าต่างบานใหญ่ ที่เปิดรับแสงสว่างธรรมชาติจากภายนอก ช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย อีกทั้งยังสร้างบรรยากาศ พร้อมเพิ่มกิจกรรมให้กับพื้นที่ได้มีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้นอีกด้วย



2.APPROACH FOR DRESS

เส้น ทางมุ่งสู่ความสวยงามกับอารมณ์ของการก้าวเดินที่แตกต่าง จากห้องนอนใหญ่เดินลงบันไดเล็ก ๆ ผ่านทางเดินที่มีความกว้างพอประมาณสู่ Zone แต่งตัวที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ช่วยลดความราบเรียบของการเดินทางไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว



3.ROOM TO ROOM

การ เลือกใช้สีในการตกแต่งที่กลมกลืน ทำให้การเชื่อมต่อของ Concept โดยรวม จากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่งดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปด้วยสีขาว สีเทา และสีไม้ธรรมชาติที่มีโทนสีอ่อน ๆ ดูอ่อนโยนเหมาะแก่การพักผ่อน



Show Ideas



1.โต๊ะ อเนกประสงค์สารพัดประโยชน์ ที่เป็นได้ทั้งโต๊ะทำงานส่วนตัวและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งแยกออกมาจาก Zone นอนหลับพักผ่อนอย่างชัดเจน ด้วย Step ของขั้นบันไดที่ต่างระดับกัน



2.ผนัง ทั้งผืนให้ตู้เสื้อผ้าใบเดียว Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนังโดยใช้หน้าบานเลื่อนขนาดใหญ่สองชิ้น ทำหน้าที่เสมือนผนังเคลื่อนที่ได้ สามารถออกแบบ Function ภายในได้ด้วยตัวเอง จะได้ไม่ต้องซ้ำแบบใคร

ตกแต่งห้องนอน BROWNISH COMFORT



อารมณ์ สบาย ๆ ผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าสีน้ำตาลอ่อน ๆ คือ Concept โดยรวมของการตกแต่งห้องนอนห้องนี้ จากการควบคุมโทนสีให้เป็น Theme เดียวกัน ด้วยสีธรรมชาติอย่างสีของวัสดุไม้ ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นอยู่แล้ว รวมกับสีขาวของผนังก็สร้างความสะอาดตาได้ไม่น้อย



1.NATURAL LIGHT

บแสง สว่างจากภายนอกอย่างเต็มที่ด้วยหน้าต่างบานใหญ่ ที่นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการระบายอากาศและกำจัดกลิ่นอับดับความชื้นได้ดีอีกด้วย



2.SLEEPY TIME

คัด สรรเฉพาะเฟอร์นิเจอร์เพื่อการนอนหลับพักผ่อนอย่างแท้จริง ด้วยความกว้างใหญ่ของพื้นที่ห้องนอน จึงสามารถแบ่งสัดส่วนของการใช้งานได้เป็นสองส่วนหลัก ๆ คือ ส่วนพักผ่อน และส่วนกิจกรรมจิปาถะ อย่าง โต๊ะทำงาน พื้นที่แต่งตัว และตู้เสื้อผ้า



3.GROUP FUNCTION

เหมือน เป็นห้องอเนกประสงค์ขนาดย่อม ๆ เพราะมีทั้งโต๊ะทำงาน เขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง และส่วนแต่งตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งแยกออกมาอย่างชัดเจน จะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนหากมีใครอีกคนกำลังหลับใหล
อยู่อีกด้านหนึ่ง



Show Ideas



1.บาน หลังตู้โชว์ซึ่งใช้กระจกฝ้าลายน้ำ ที่มองเห็นทะลุผ่านได้แบบรำไร เพื่อความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง ไม่ทึบตัน แม้มีตู้โชว์ขนาดใหญ่วางกั้นขวางระหว่าง Function ทั้งสอง



2.ความ เป็นส่วนตัวที่สามารถเลือกเองได้ เพียงแค่เลื่อนประตูบานเฟี้ยม เปิด-ปิด ก็ทำให้เกิดการแบ่งแยกพื้นที่ส่วนนอนหลับพักผ่อน ออกจากส่วน Walk-in-closet ได้อย่างชัดเจนแล้ว

ตกแต้งห้องนอนอบอุ่น เรียบง่าย ดูคลาสสิค



ห้องนอนเงียบขรึม ที่เหมาะกับเจ้าของห้องที่มีบุคลิกสุขุมลุ่มลึก เพราะโทนของสีโดยรวมภายในห้องที่เน้นโทนเข้ม อีกทั้งวัสดุและ Design

ของ เฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าจะเป็นชิ้นใหญ่ ชิ้นเล็ก และ Accessories ของตกแต่งต่าง ๆ ก็ถูกจัดหามาวางไว้เพื่อให้เข้ากับ Concept ของห้องอย่างลงตัว

เติมเต็มเสน่ห์ให้กับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่



1.RELAX CORNER

มุมสงบ มุมสบาย ไว้เอนหลังนั่งเล่น อ่านหนังสือก่อนนอน หรือพักผ่อนดูโทรทัศน์รายการโปรด ก็เพลิดเพลินจนอาจเคลิ้มหลับคาโซฟาไปเลยก็ได้

เป็นอีกอริยาบทที่นอกเหนือจากการพักผ่อนบนเตียงนอน



2.CLASSIC STYLE

เลือก หา Design ของชั้นวางโทรทัศน์และตู้เก็บของสไตล์คลาสสิค เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศภายในห้อง ความรู้สึกอบอุ่นอยู่ที่การใช้วัสดุที่ทำจากไม้

และด้วยสีเข้ม ๆ ของสีโอ๊คดำ ช่วยทำให้อารมณ์โดยรวมดูเคร่งขรึม เพิ่มอายุให้กับห้องพอสมควร



3.RHYTHM OF WALL

ลดความราบเรียบของห้องสี่เหลี่ยม ด้วยจังหวะของผนังที่ปรับเข้า - ออก ตามโครงสร้างหลักของบ้านเพียงเล็กน้อย

ก็สามารถช่วยกำหนดขอบเขตพื้นที่ของบริเวณเตียงนอนให้รับรู้ได้อย่างชัดเจน



Show Ideas



1.ใช้ประโยชน์จากการตกแต่งระดับฝ้าเพดาน ให้เกิดเป็นวิธีซ่อนรางผ้าม่านอย่างแนบเนียน เพราะสไตล์ของการตกแต่งห้องนอนนี้

คงไม่เหมาะกันกับกล่องรางผ้าม่าน หรือว่าราวแขวนผ้าม่านแบบธรรมดาแน่นอน



2.ภาพเขียนพร้อมกรอบสวยส่วนใหญ่มักเลือกที่จะประดับไว้ที่หัวนอน ไหน ๆ กรอบของรูปภาพก็เป็นศิลปะที่สวยงามไม่แพ้ภาพ

ก็เน้นให้ดูโดดเด่นเป็นผนังตกแต่งทั้งผืนไปเสียเลย เสมือนว่าผนังด้านนี้เป็นกรอบรูปขนาดใหญ่เลยทีเดียว

ตกแต่งห้องนอนแบบเรียบ หรู ร่วมสมัย



ห้องนอนสีขาวครีม เติมสีเข้มให้อบอุ่นด้วยพื้นไม้สีเข้ม เป็นสีสันสุดคลาสสิก รับกับเตียงนอนสี่เสา ที่ตัดทอนรายละเอียดสลักเสลาออกไป เหลือเพียงเสาเกลี้ยง ๆ ตรง ๆ ดูร่วมสมัย ช่วยให้บรรยากาศห้องดูโปร่งสบาย ได้ผ้าปูเตียงแบบมีชายครุยคลุมทับก็ดูหวานขึ้น แสงแดดจ้าจากหน้าต่างบานกว้างปิดทับด้วยม่านสองชั้นเนื้อโปร่งและเนื้อหนาไล่เฉดสีกลุ่มเดียวกัน ดีไซน์ธรรมดาเรียบ ๆ จับจีบรูดเก็บด้านข้าง ก็งดงาม ดูดี ได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก



1.โคมเก่า โต๊ะเล็ก

โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง เป็นสิ่งจำเป็นไม่น้อย เลือกดีไซน์ให้เข้ากับเตียงนอน จัดวางซ้ายขวา ไว้สำหรับจัดวางสิ่งของจำเป็น อาทิ โทรศัพท์ นาฬิกา หรือหนังสือเล่มเล็กที่ใช้กล่อมก่อนเข้านอน และที่ขาดไม่ได้ คือ โคมไฟตั้งโต๊ะ ดีไซน์โคมคว่ำ ฐานเป็นแก้ว คล้ายถ้วยรางวัล ให้ความรู้สึกเก่า ๆ แต่ทันสมัยเข้ากับบรรยากาศห้องได้ดีทีเดียว



2.ตู้ โต๊ะในใบเดียว

มุมปลายเตียงนอน จัดให้เป็นพื้นที่สะสางงานที่เร่งด่วน กับตู้ไม้สีเข้มแบบโบราณ คล้ายเปียโน
ซึ่งหน้าบานแบบดึง กางออกมาก็จะกลายเป็นโต๊ะทำงานเก๋ ๆ ในตู้ก็มีชั้นสำหรับเก็บหนังสือหรือเอกสารสำคัญ
โคมไฟเล็ก ๆ เป็นทั้ง prop ประดับและให้แสงนุ่มนวล ส่วนต้นจั๋งข้างโต๊ะทำให้ห้องที่น่าเกรงขามดูอบอุ่นเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น



3.อาร์มแชร์ ชวนงีบ

อาร์มแชร์ผ้าบุสีครีม ดีไซน์เก้าอี้แบบคลาสสิกร่วมสมัย พนักวางแขนตัดมุมเว้า ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งและรู้สึกได้ว่าเบาะรองนั่งกว้างใหญ่ ไม่อึดอัดโต๊ะแปดเหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีแจกันดอกไม้ประดับบน และช่องหน้าต่างด้านหลัง ต่างช่วยเสริมให้มุมนั่งเล่นในห้องนอนนี้ดูวิจิตรเหลือเกิน



Show Dg idea



1. บิลท์-อิน ลอยตัวอยู่ร่วมกันได้ ด้วยหน้าที่ที่แยกกันชัดเจน สีขาวติดผนังสูงจรดพื้นชนเพดาน เป็นตู้เสื้อผ้าบานเปิด โดยมีประตูสไลด์ปิดกั้นกันฝุ่น และกั้นระหว่างห้องนอนและห้องแต่งตัว หน้าห้องเป็นตู้ใบเก๋แบบโบราณ ดีไซน์หน้าบานเดินเส้นสายดูสนุก



2.ตู้เสื้อผ้าที่แบ่งชั้น กั้นระยะไว้หลากหลายให้เหมาะกับรูปแบบและขนาดของเสื้อผ้า ผนังในสุดเป็นมุมแต่งตัว มีกระจกเงาบานใหญ่ปูเต็มผนัง ให้มุมมองห้องแคบ ๆ ดูกว้างใหญ่ไม่อึดอัด

ตกแต่งห้องนอนแบบ J. POP


ครั้งนี้ขอ แต่งห้องนอนแบบเรียบ ๆ สไตล์ญี่ปุ่น ที่จะทำให้เราสงบและผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

ห้อง นอนขนาดกลาง 4.90 x 3.80 ม. ความสูง 2.60 ม. ที่เจ้าของอยากได้ความเรียบ แต่แฝงไปด้วยประโยชน์ใช้สอย และอยู่แล้วรู้สึกสงบ สบาย หายเครียดจากงานที่ทำมาตลอดทั้งวัน ดังนั้นการตกแต่งสไตล์เซน (ZEN) หรือมินิมัล ( MINIMAL) จึงน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะการตกแต่งสไตล์นี้ เน้นไปที่ความเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา แต่แฝงไปด้วยประโยชน์ใช้สอยและแนวคิดมากมาย และที่สำคัญการตกแต่งสไตล์นี้ไม่มีเชยค่ะ จำได้มั้ยคะว่าเราดูโดราเอมอน ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ จนเดี๋ยวนี้หลายๆ คนเป็นคุณพ่อคุณแม่กันแล้ว ห้องนอนของโนบิตะก็ยังไม่เชยในสายตาเรา แต่ในการตกแต่งสไตล์อื่นๆ จะมากันเป็นพักๆ เดี๋ยว หลุยส์ เดี๋ยววินเทจ สลับกันไปสลับกันมา ดูเชยบ้างเป็นยุคๆ แต่สไตล์ J.POP ของเรา ไม่มีเชยค่ะ รับรอง ถ้าเห็นด้วยกับเราแล้วก็ตามมาเลยค่ะ

เมื่อเราได้สไตล์ในการตกแต่ง แล้ว อันดับต่อมาที่เรานำมาคิดถึงก็คือเรื่องของฟังก์ชันที่เราต้องการจะใช้ใน ห้อง นั่นก็คือ 1. พื้นที่วางเตียง 2. พื้นที่ทำงาน 3. เก็บของ 4. พักผ่อนและบันเทิง 5. เก็บเสื้อผ้า ทั้งหมดนี้จะถูกบรรจุอยู่ในพื้นที่ขนาด 18.62 ตร.ม. ในสไตล์ J.POP (ขอเรียกแบบนี้แทน มินิมัล นะคะ) ให้ลงตัว

เริ่มกันที่ ที่นอนค่ะ เนื่องจากการตกแต่งในสไตล์นี้ทุกอย่างมักออกมาในแบบเรียบๆ เตี้ยๆ ดังนั้นเราจึงทำการยก step พื้นตรงฝั่งด้านที่จะทำเป็นเตียงด้วยโครงไม้ ส่วนพื้นเตียงใช้เป็นพื้นไม้ลามิเนตลายเดียวกับพื้นห้อง ซึ่งฝั่งนี้จะติดกับทางเข้าห้องน้ำ ทำให้เราไม่สามารถยก step เป็นรูปสี่เหลี่ยมเต็มผืนได้ เพื่อจะได้เดินเข้า - ออกจากห้องน้ำได้ไม่สะดุด ฝั่งซ้ายมือหลังจากที่เรายก step ขึ้นมาแล้ว 25 ซม. ด้านซ้ายมือสุดของเตียง ทำเป็นกล่องขึ้นมาสำหรับเก็บข้าวของและทำฝาเปิดดีไซน์ให้เหมือนหีบเก็บของ ผนังด้านหัวนอน ที่ตรงกับหีบใส่ของนี้ก็จัดการติดโคมไฟสไตล์ญี่ปุ่นลงไปให้เข้าบรรยากาศกัน

ฝั่งขวามือ ที่ติดกับทางเข้าห้องน้ำ ด้านนี้บิวท์ตู้ลิ้นชักเข้าไป เพื่อเพิ่มเป็นพื้นที่ทำงาน มีเบาะญี่ปุ่นวางบนพื้นยก step เมื่อไม่ใช้งานก็เลื่อนเบาะเข้าไปเก็บใต้ลิ้นชัก เท่านี้ก็จะทำให้ห้องไม่ดูรกตา อ้อเกือบลืมหัวเตียงค่ะ สำหรับหัวเตียงเราเติมผนังให้เต็มด้วยการทำแผงหัวเตียงออกมาอีก 10 ซม. ให้เสมอกับผนังด้านซ้ายมือที่เป็นผนังยื่นออกมา พอทำผนังหัวเตียงให้เสมอกันแล้ว เราก็เลยเพิ่มไฟฟลูออเรสเซ็นต์ลงไปให้หัวเตียงมีความน่าสนใจขึ้น และเลือกใช้กระจกฝ้าปิดเหนือช่องไฟฟลูออเรสเซ็นต์ เพื่อกรองแสงจากหลอดไม่ให้จ้าเกินไป และยังทำให้สามารถยกกระจกฝ้าขึ้นเพื่อเปลี่ยนหลอดไฟยามที่หลอดขาดได้อย่าง ง่ายดายด้วยค่ะ

ฝ้าเพดานฝั่งหัวเตียง ด้านนี้เพิ่มงานฝ้าลงไปอีกนิด ด้วยการทำเป็นเหมือนกับขั้นบันได และในแต่ละขั้น ซ่อนไฟไว้ในฝ้า แสงที่ได้ก็จะออกมาเป็นเส้นแนวนอนเล่นระดับ สร้างบรรยากาศให้ห้องดูน่าสนใจได้อีกอารมณ์หนึ่งค่ะ พื้นที่ปลายเตียงส่วนที่ไม่ได้ยก step วางเบาะขนาด 0.65 x 1.80 m. ลงไป เติมหมอนอิงอีกนิดได้มุมพักผ่อน ดูทีวี เพิ่มขึ้นมาอีก 1 มุม สบายๆ

ฝั่ง ตรงข้ามเตียง ฝั่งนี้เว้นพื้นที่ไว้สำหรับเป็นตู้เสื้อผ้า ดูทีวี และวางของตั้งโชว์เล็กน้อย เริ่มจากด้านซ้ายมือเราทำเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนยาว 2.50 ม. แบ่งออกเป็น 4 หน้าบาน หน้าบานริมซ้ายและขวาเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้า ส่วนอีก 2 บานกลาง ทำเป็นตู้ทีวีเวลาที่เราจะใช้งานก็เลื่อนเปิด ติดตั้งอุปกรณ์และปลั๊กต่างๆ ให้พร้อมก่อนนะคะไม่อย่างนั้นแล้ว ตู้นี้จะมีสายไฟระโยงระยาง กันเลยทีเดียว เวลาเลื่อนปิด ตู้นี้ก็จะดูเหมือนตู้เสื้อผ้าแบบปกติค่ะ รับรองไม่ต้องโชว์เวลาที่ห้องรกเลอะเทอะให้ใครได้เห็นอย่างแน่นอน สำหรับหน้าบานตู้ออกเลียนแบบหน้าตาของบานประตูของชาวญี่ปุ่นที่มักจะดีไซน์ เป็นไม้ตีตาราง พื้นที่ตรงกลางใช้เป็นกระจกฝ้า อ้อหน้าบานตู้กับบานประตูเข้าห้องน้ำอันนี้ใช้ดีไซน์เดียวกันนะคะ จะได้รู้สึกเหมือนเป็นบานตู้โชว์มากกว่าบานประตูเข้าห้องน้ำ พื้นที่ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าอีก 70 ซม. ทำเป็นชั้นลอยๆ สำหรับวางของตั้งโชว์ เพราะเราไม่สามารถทำตู้เสื้อผ้าให้สุดผนังได้ เพราะนอกจากจะดูอึดอัดแล้ว ความลึกของตู้ยังมากกว่าพื้นที่ผนังอีก ดังนั้นการดีไซน์เป็นชั้นสำหรับวางของจะเป็นการเหมาะสมกว่าค่ะ

ยังมี พื้นที่เหลือหน้าห้องน้ำ จัดการทำแผงหลังและเพิ่มชั้นขึ้นมาอีก 4 ชั้น สำหรับวางหนังสือ จะได้ใช้พื้นที่ที่อยู่ให้คุ้มค่าที่สุด การที่ทำแผงหลังขึ้นมาด้วยนั้นเพราะชั้นลอยๆ จะรับน้ำหนักได้น้อยกว่าการที่แผงหลังเพิ่มค่ะ
สำหรับธีมสีในการออกแบบ ครั้งนี้ สีผนังห้องกำหนดเป็นโทนสีฟ้าเข้มโทนเย็น ตัดกับสีขาวของผนังบางผนัง เพื่อให้ห้องไม่ดูมืดจนเกินไป สำหรับสีของเฟอร์นิเจอร์เลือกใช้เป็นสีโอ๊ก ให้ตัดกับสีผนังห้อง ส่วนม่าน ใช้เป็นแบบม่านพับไม้ไผ่ ให้เข้าสไตล์แบบ J. POP ของเรา สำหรับห้องสไตล์นี้ของตกแต่งไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ค่ะ เพราะต้องการความเรียบง่ายแต่ดูดีในตัวเองมันเองอยู่แล้ว ถ้าจะเพิ่มอาจจะเป็นรูปภาพสไตล์เซนเก๋ๆ สักรูปก็พอค่ะ สำหรับงบประมาณในการตกแต่งไม่รวมที่นอนและของตกแต่งจะอยู่ที่ 131,000 บาท พบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
 

ตกแต่งห้องนอนแนวหวานๆ


ออกแบบห้องนอนแนวหวานๆ มาก็หลายครั้ง แต่วันนี้ขอแนะนำแนวหวานปานเจ้าหญิงสักหน่อย ให้สมกับที่ปีนี้แนววินเทจมาแรง หลังจากที่ฉบับที่แล้วเราแนะนำห้องรับแขกกันไปแล้ว วันนี้ก็เลยมาลงตัวที่ห้องนอนแสนหวานกันค่ะ ถ้าชอบความหวานเหมือนๆ กันก็ตามมาเลยค่ะ  

ห้องนอนแยกเป็นหลายส่วนค่ะ โดยส่วนที่ 1 เป็นส่วนของที่นอนและดูทีวี ส่วนที่ 2 เป็นมุมของที่นั่งเล่นพักผ่อนอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ตรงข้ามกับประตูทางเข้าห้อง และส่วนที่ 3 เป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าที่เป็น Walk-in Closet ด้านใน แต่เราจะทำบานประตูกั้นไว้ด้านนอก


ส่วน ที่ 1 พื้นที่ของเตียงและดูทีวีขนาด 3.80x3.60 เมตร เราวางหัวเตียงไว้ในส่วนผนังทึบที่เราจะตกแต่งผนังนี้ให้ดูเป็นเจ้าหญิง ด้วยการกรุผนังออกมาเป็นตู้บานเปิด ที่หน้าบานเราทำการกรุผ้าดึงหมุดให้ดูหรูหราและเล่นสีสันให้ดูสวยหวานด้วยสี ชมพู ด้านในตู้หัวเตียงเป็นชั้นสำหรับใส่ของกระจุกกระจิก เช่น ซีดีที่ไม่ค่อยได้ฟังหรือหนังสืออ่านเล่นเล่มเก่า ด้านล่างตู้เพิ่มไฟซ่อนใต้ตู้ให้หัวเตียงดูมีมิติและน่าสนใจ


เตียง เลือกแบบที่ไม่หวานจนเกินไปเป็นเตียงสีขาว หัวเตียงมีรายละเอียดของเหล็กดัดสีดำ เพื่อเพิ่มความเข้มตัดความหวานของห้องไม่ให้มากจนเกินไป


ถัดออก มาจากตู้ทีวีมีพื้นที่ขนาด 2.60x1.50 เมตร เป็นพื้นที่ที่มีหน้าต่างล้อมรอบ เราออกแบบเป็นตั่งสำหรับนั่งอ่านหนังสือที่เราอาจใช้เป็นที่นอนสำหรับเพื่อน ที่มาเยี่ยมบ้านแล้วห้องนอนอื่นเต็มได้สบาย ตั่งนี้เราเลือกผ้าหุ้มเบาะเป็นลายทางสีชมพูวางหมอนอิงสีสดใส เพื่อให้มุมนี้ดูสดชื่นยามที่นอนอ่านหนังสือตอนเช้าวันอาทิตย์  


สุดท้ายก็จะเป็นเรื่องของการตกแต่งค่ะ ของตกแต่งที่จำเป็นของบ้านแนวนี้คือเยอะและเวอร์เข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ แจกัน เชิงเทียน กรอบรูป หมอนอิง จัดวางทั้งหมดเข้าไปได้เลยค่ะ ยิ่งเยอะยิ่งสวย แต่ของที่วางต้องเน้นพวกที่มีรายละเอียดเยอะๆ นะคะจะได้เข้าสไตล์กัน

การเลือกใช้สีให้เหมาะกับห้องนอน

ห้องนอน (Bed Room)
  • มีหลายสีที่เหมาะสำหรับห้องนอน “สีขาว” ยังเป็นสีมาแรงด้วยความสะอาด สบายตา หรูหรา และโรแมนติก ในขณะที่ “สีเหลือง” จะช่วยให้ห้องสดชื่น
  • ส่วนผู้ที่ “ชอบนอนดึก ตื่นสาย” จะเหมาะกับ “โทนสีเข้ม” ที่ให้บรรยากาศอบอุ่น แต่หลักๆ แล้วในห้องนอนควรเลือกใช้เฉดสีที่สบายๆ สงบ ไม่ร้อนแรง เพราะเป็นห้องที่ไว้ใช้พักผ่อน เช่น สีฟ้าอ่อนๆ สีครีม เป็นต้น
  • ในกรณีห้องนอนเด็ก อาจเลือกใช้เฉดสีที่สดใส มีชีวิตชีวา เพื่อเพิ่มความรู้สึกที่ร่าเริง
    แก่เด็ก เช่น สีเหลืองสด หรือสีแดง เป็นต้น

    หลักการพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สี


            การใช้สีในงานออกแบบกราฟิก มีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้งานนั้นน่าดู สวยงาม และตื่นตา และส่งเสริมให้เนื้อหาสาระที่นำเสนอมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คนแต่ละวัยมีความสนใจกลุ่มสีแตกต่างกัน เช่น เด็กเล็ก ๆ จะสนใจสีสด เข้ม สะสุดตา ไม่ชอบสีอ่อน และจะสังเกตได้ว่าเมื่อมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งไม่ชอบสีสดใสมาก ๆ กลับนิยมสีอ่อนหวาน นุ่มนวล การวางโครงสีในงานออกแบบกราฟิกในเชิงพาณิชย์จึงต้องเน้นเรื่องวัยของกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ

            เด็กเล็ก ๆ ควรใช้สีประเภทสีปฐมภูมิ (primary) หรือ สีทุติยภูมิ (Secondary) ส่วนผู้ใหญ่อาจใช้สีแท้ (Hue) ผสมกลุ่มสีขาวหรือสีนวลหรือสีดำที่เรียกว่า Tint and Shade การใช้สีขาวหรือสีดำมาผสมกับสีแท้ ก็จะช่วยลดความสดใสของสีเดิมลงตามขนาดสัดส่วนมากน้อยตามต้องการ ดังนั้นก่อนจะวางโครงสีในการทำงาน จึงควรพิจารณาเกี่ยวกับการใช้สีในทางจิตวิทยาด้วย ดังนี้
    1. ใช้สีสดสำหรับกระตุ้นให้เห็นเด่นชัด เพื่อการมองในระยะเวลาสั้นๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำสื่อเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์
       
    2. พึงระลึกไว้เสมอว่าการใช้สีมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการเน้นให้เห็นเด่นชัด มุ่งส่งเสริมให้เนื้อหาสาระมีความชัดเจนขึ้น ถูกต้องขึ้น บางครั้งการใช้สีของนักออกแบบ จะสามารถใช้สีได้อย่างอิสระเพื่อความสวยงามบางครั้งก็จำเป็นต้องนึกถึงหลักความจริง และความถูกต้องอย่างเหมาะสมด้วย
       
    3. การออกแบบงานพาณิชย์ศิลป์ งานกราฟิกต่างๆ อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้สีเสมอไปผู้ออกแบบจึงควรพิจารณาถึงความเหมาะสมด้วยว่าควรใช้อย่างไร เพียงใด การกำหนดว่าจะใช้สีเพิ่มขึ้นมา 1 สีนั้นหมายความว่าจะต้องเพิ่มงบประมาณตามมาอีกจำนวนหนึ่งเสมอ
       
    4. ควรใช้สีให้เหมาะสมกับวัยของผู้บริโภค
       
    5. การใช้สีมากเกินไปไม่เกิดผลดีกับงานออกแบบอย่างแท้จริง เพราะสีในหลายๆ สี อาจทำให้ลดความเด่นชัดของงานและเนื้อหาสาระที่ต้องการนำเสนอ
       
    6. เมื่อใช้สีสด เข้มจัด คู่กับสีอ่อนมากๆ จะทำให้ดูชัดเจน และมีชีวิตชีวาน่าสนใจ
       
    7. การใช้สีพื้นในงานออกแบบสิ่งพิมพ์ที่มีพื้นที่ว่างมากๆ ไม่ทำให้เกิดผลในการเร้าใจเท่าที่ควรจึงควรหลีกเลี่ยง
       
    8. ข้อพิจารณาสำหรับการใช้สีบนตัวอักษร ข้อความ คือ จะต้องให้ชัดเจน อ่านง่ายควรงดเว้นการใช้สีตรงกันข้ามในปริมาณเท่าๆ กัน บนพื้นที่เดี่ยวกันหรือใกล้เคียง เพราะจะทำให้ผู้ดูต้องเพ่งมองอย่างมาก ทำให้เกิดภาพซ้อนพร่ามัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระ เช่น ตัวอักษรสีแดงบนพื้นสีเขียวความเด่นชัดของข้อความที่ต้องการเน้นด้วยความแตกต่างกันของสี ก็จะลดความเด่นชัดลงอีกด้วย

    จิตวิทยาในการใช้สี


          แม้ว่าจะมีทฤษฎีเกี่ยวกับสีอยู่มากมาย ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการนำไปใช้งาน
    แต่ลักษณะเฉพาะหรือคุณค่าเฉพาะของสีแต่ละสีย่อมจะเป็นตัวแทนของอารมณ์ต่างๆ
    ในวัตถุที่มีสีปรากฏขึ้นในตัว เมื่อสายตาได้สัมผัสวัตถุ ได้เห็นความแตกต่างหลากหมายของสีในวัตถุ ย่อมเกิดความรู้สึกต่าง ๆ ได้แก่ ตื่นเต้น หนวานเย็นหรืออบอุ่น อ่อนหวาน นุ่มนวลหรือแข็งกระด้าง และนอกจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้ว ยังเป็นที่ยอมรับกันอีกว่า สีเป็นลักษณะของความคิดทางนามธรรม
    บางประการอีกด้วย เช่น ความสงบสันติ การเคลื่อนไหว อันตราย ความตาย อิทธิพลของสิ่งที่เกี่ยวข้องเนื่องกับการรับรู้และการจดจำสิ่งต่างๆ รอบตัว มีผลกระทบต่อระบบประสาทสัมผัสได้ดีกว่ารูปร่าง
    ลายเส้น หรือถ้อยคำ ตลอดจนเป็นมโนทัศน์ต่างๆ


          การมีความรู้และประสบการณ์ในการเลือกใช้สีของนักออกแบบ จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เอกสารเหล่านั้นบรรลุเป้าหมายตามต้องการได้ไม่ยากนัก การเรียนรู้ถึงอิทธิพลที่มีต่อความรู้สึกของการมองสีแต่ละสี จึงเป็นสิ่งที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
    • สีแดง เป็นสีของไฟ การปฏิบัติ ความรู้สึกทางกามารมณ์ ความปรารถนา สีของความอ่อนเยาว์ ดังนั้นจึงเป็นที่ชอบมากสำหรับเด็กเล็กๆ สีแดงเป็นสีที่มีพลังมากสามารถบดบังสีอื่นๆ จึงไม่เหมาะที่จะใช้เป็นสีพื้นหรือฉากหลัง (Background)
       
    • เหลือง
      เป็นสีที่มีพลังในด้านความสว่างอย่างมาก ให้ความรู้สึกเย็นมากกว่าสีเหลืองอมส้ม แต่ก็อุ่นกว่าสีเหลืองอมเขียว สีเหลืองสะท้อนถึงสติปัญญามากกว่าจิตใจ คุณลักษณะของสีเหลืองจะรู้สึกได้เมื่อมีสีที่สองปรากฏอยู่ด้วย เช่น เมื่ออยู่กับสีเขียวจะทำให้รู้สึกมั่นคง และจับต้องได้มากขึ้น

       
    • สีเขียว 
      เป็นสีทางชีววิทยาซึ่งใกล้เคียงกับธรรมชาติ และช่วยให้ความคิดพลุ่งพล่าสงบลง เป็นสีกลางๆ ไม่เย็นและก็ไม่ร้อน แต่ถ้าเข้มแข็งไปในทางสีน้ำเงินจะดูเป็นน้ำ สีเขียวอมฟ้า สีฟ้าพลอย เป็นสัญลักษณ์ของน้ำ และอากาศเคลื่อนไหว โดยปกติแล้วสีเขียวอมฟ้าเป็นสีตรงข้ามกับสีฟ้า

       
    • สีน้ำเงิน 
      เป็นสีที่เก็บกด ช่างฝัน เปล่าเปลี่ยว ถึงแม้ว่าจะทำให้ใสขึ้นโดยการผสมสีขาวเข้าไปก็ตาม สีน้ำเงินให้ความประทับใจเกี่ยวกับความสะอาด บริสุทธิ์ จึงมักใช้ในที่ต้องการแดสงสุขอนามัย

       
    • สีม่วง 
      แสดงถึงความรู้สึกใคร่ครวญ การทำสมาธิ ความลึกลับ เวทมนต์คาถา และความเก่าแก่โบราณ แม้ว่าจะผสมสีขาวให้เป็นสีม่วงไลแลค ก็ยังทำให้คนที่มองเห็นไม่กล้าเข้าใกล้ ไม่รู้สึกเป็นมิตร สีม่วงครามซึ่งใกล้สีน้ำเงินมาก จะดูเกี่ยวข้องกับโลกมากกว่าสีม่วงแดง แต่ก็ยังคงความเป็นเจ้านาย และเต็มไปด้วยเกียรติยศอยู่นั่นเอง

       
    • สีทอง 
      มีตำแหน่งใกล้สีส้ม และนับว่าเป็นสีอุ่นสีหนึ่ง ในขณะที่สีน้ำเงินถูกจัดให้เป็นสีเย็น และมีความคล้ายคลึงกับสีเทากลาง การใช้สีเงินออกจะยากกว่าเนื่องจากต้องมีสีอุ่นมาใช้ร่วมด้วยหารว่าต้องการผลของความรู้สึกในทางบวก

       
    • สีเทา 
      สำหรับสีเทาซึ่งมีระดับสีอ่อนแก่แตกต่างกันมากหลายระดับนั้น อาจจะเป็นที่คุ้นเคยกันดีจากการดูภาพขาวดำ การอ่านหนังสือพิมพ์และหนังสือทั่วไป

       
    • สีดำ 
      สีดำ ซึ่งเรียกว่า
      อรงค์คือ ถือได้ว่าใช้สีดำ เป็นสัญลักษณ์ของความมืด ความสว่าง ในการตีพิมพ์สีดำมีค่าในทางบวกมาก เนื่องจากเมื่อเราใช้สีอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพหรือตัวอักษรวางลงไป ก็จะทำให้สีเหล่านั้นเจิดจ้าสะดุดตาขึ้น
       
    • สีขาว 
      สีขาวก็เช่นกัน ไม่เป็นทั้งสีอุ่นและเย็น ยกเว้นเมื่ออยู่กับสีเหลืองจะทำให้สีเหลืองจ้าขึ้น เราสามารถวางภาพหรืออักษรสีต่าง ๆ ลงบนพื้นขาวได้ผลดีเช่นเดียวกับสีดำ

    วรรณะของสี (Tones)


    วรรณะของสี หมายถึง กลุ่มสีที่ปรากฏให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน สังเกตจากวงล้อสี
    จะปรากฏเป็น
    2 วรรณะ คือ
    • วรรณะสีร้อน ( Warm Tone) ลักษณะของสีจะให้ความสดใส ร้อนแรง ฉูดฉาด หรือ รื่นเริง สีในกลุ่มนี้ได้แก่ สีเหลือง สีแดง สีแสด และสีที่ใกล้เคียง 
    • วรรณะสีเย็น (Cool Tone) ความรู้สึกที่ปรากฏในภาพจะแสดงความสงบ เยือกเย็น จนถึงความเศร้า ได้แก่ สี้น้ำเงิน สีม่วง สีเขียว และสีที่ใกล้เคียง

    เทคนิคการเลือกใช้สี

     
    ในขั้นตอนของการพัฒนากรอบเนื้อหา (Script) แต่ละกรอบเนื้อหา บางครั้งอาจมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน เช่น การกำหนดสีของแต่ละส่วนของแต่ละจอภาพ ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่ในการลงรหัสโปรแกรมและผู้ที่ตรวจสอบ ควรมีความรู้ทฤษฎีเรื่องของสี และนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อให้การสร้าง CAI มีคุณภาพด้านมัลติมีเดียของบทเรียนมากยิ่งขึ้น